Wax Valley Candle Co. กับเรื่องราวที่อยากเล่าผ่าน ‘กลิ่นหอม’

          ‘การดมกลิ่น’ นับเป็นอีกประสาทสัมผัสที่เรารับรู้อยู่ตลอดเวลา เวลาที่ได้กลิ่นไม่พึงประสงค์เรามักจะชักสีหน้า ขณะที่ทุกครั้งที่ได้สูดกลิ่นหอมๆ เรากลับพยายามจะหายใจเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ กลิ่น เป็นอีกหนึ่งความสุนทรีย์ที่เราจะขาดไม่ได้

          วันนี้ Craft ‘N’ Roll จะพาคุณไปรู้จักกับแบรนด์ที่นำเสนอ กลิ่น ออกมาในรูปแบบที่น่าสนใจไม่น้อย นี่คือแบรนด์เทียนหอมออร์แกนิกที่มีชื่อว่า “Wax Valley Candle Co.

          ย้อนกลับไปราวๆ 2 ปีก่อน จุดเริ่มต้นของสินค้าเทียนหอมแบรนด์นี้ มาจากการที่ ‘หนึ่ง’ อภิชาติ คชพัฒน์ทรัพย์ ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Work and Holiday ที่ประเทศออสเตรเลีย แล้วพบกับเทียนหอมออร์แกนิกจากไขถั่วเหลือง เขาสนใจอยากจะนำเข้ามาขายในประเทศ แต่เมื่อพบว่าทางผู้ผลิตไม่ได้ทำส่งออก จึงตัดสินใจเริ่มต้นศึกษาวิธีผลิตสินค้าตัวนี้ด้วยตัวเอง

          “เราก็ศึกษาด้วยตัวเอง ซื้อชุดทำเทียนมาลองเองเลย ฝึกไปฝึกมา พอมันเห็นความเป็นไปได้ ก็เลยลองออกแบบแบรนด์ดู หลังกลับมาบ้านก็วุ่นอยู่พักนึง เพราะต้องติดต่อหาซัพพลายเออร์ทั้งตัวเทียน ไส้เทียน ออกแบบแพคเกจจิ้ง ทั้งหมดมันยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเราอยู่” หนึ่งเล่าให้ฟังถึงการก่อตั้งแบรนด์ในช่วงแรก 

          เขาเล่าว่าในประเทศไทยไม่สามารถซื้อหาวัตถุดิบต่างๆ ได้จากที่เดียว ต้องมองหาจากหลายแหล่ง กว่าจะได้อย่างที่ต้องการ กว่าจะสั่งซื้อจนครบ ไม่ง่ายเลยกว่าที่สินค้าเซ็ตแรกจะผลิตออกมาได้

[เทียนหอม ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ]

 

          เทียนหอมออร์แกนิกของ Wax Valley Candle Co. โดดเด่นด้วยวัตถุดิบทดแทนอย่าง ‘ไขถั่วเหลือง’ หนึ่งเล่าว่าด้วยความที่เป็นไขจากธัชพืชแท้ จึงมีอุณหภูมิหลอมละลายต่ำ และไม่ทิ้งเขม่า หรือสารตกค้างไว้ในอากาศ ทั้งยังนำมานวดตัวได้ไม่เป็นอันตรายต่อผิว

          “เรามองว่าเทรนด์ของวัตถุดิบทดแทนพวกนี้มันกำลังมา คนให้ความสนใจกับสิ่งที่มันเป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น เราก็เลยใช้ตรงนี้เป็นจุดขาย แต่ด้วยความที่มันเป็นไขถั่วเหลืองอุณหภูมิการเท หรือแม้แต่การเก็บรักษาก็จะไม่เหมือนกับเทียนพาราฟินปกติ เราก็เลยต้องทดลองทำ แล้วจุดเทสอยู่หลายรอบ”

          หนึ่งเล่าว่าเขาทดลองและศึกษาถึงขั้นว่าไส้เทียนชนิดไหนจะเผาไหม้ได้ดีกว่า หรือจำเป็นต้องใส่กี่ไส้จึงจะได้อัตราการเผาไหม้ที่น่าพอใจ ก่อนจะออกแบบกลิ่นที่จะเข้ากับเนื้อไขถั่วเหลืองออกมาถึง 6 กลิ่น

          “เรื่องของกลิ่นเป็นความชอบส่วนบุคคล ช่วงแรกที่เริ่มทำก็เลยลองออกแบบกลิ่นไว้หลายๆ กลิ่น เซ็ตแรกเรามีกลิ่น Bangkok, Tender, Siam Disc, Roaster, Delightful แล้วก็ Woodland ตัวนี้เราใช้ fragrance oil ในอัตราส่วนประมาณ 5.5 – 6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นออร์แกนิกหมด” เขาอธิบาย

[เรื่องราวที่ซ่อนไว้ใน ‘กลิ่น’]

 

          จะเรียกว่าเป็นความโชคดีก็ได้ เพราะชื่อกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง Bangkok หรือ Siam Disc สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาทดลองดม ทดลองทากันได้อย่างต่อเนื่อง หนึ่งเล่าว่าด้วยความที่ตัวเขาเป็นคนชอบเขียนบล็อก ชอบถ่ายรูปเล่าเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากนำทักษะตรงนี้มาใช้ในแบรนด์ของเขา

          “แต่ละกลิ่นจะมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลัง อย่างกลิ่น Bangkok ธีมของมันคือการโหยหาความสงบในเมืองที่วุ่นวาย เราใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ที่เป็นมาสคอตของความผ่อนคลาย ผสมกับซินนามอนที่เป็นกลิ่นแนวเครื่องเทศ ให้ความรู้สึกทันสมัย สนุกสนาน เราเอา 2 อย่างนี้มาคอนทราสต์กัน มันก็เลยเป็นที่มาของชื่อกลิ่นนี้” เขาอธิบายถึงส่วนผสม และการออกแบบชื่อของกลิ่นอย่างสนุกสนาน

          “ที่คนสนใจเยอะๆ อีกก็มีกลิ่น Siam Disc มาจากคำว่า Siam Discover ก็คือ การค้นหาความเป็นไทย อันนี้เราออกแบบจากความรู้สึกตอนอยู่เมืองนอก พอได้กลิ่นดอกมะลิ เราจะคิดถึงบ้านทันที ก็เลยเอากลิ่นมะลิมาผสมกับซิตรัส (ส้ม) จนได้ออกมาเป็นกลิ่นนี้ หรืออย่างกลิ่น Woodland ที่เราอยากสร้างบรรยากาศของป่า เลยเอายูคาลิปตัสมาผสมกับแซนดัลวูด (ไม้จันทร์หอม) ก็เพื่อให้ได้ความรู้สึกสดชื่นของป่าอะไรแบบนี้”

          หลังจากแบรนด์เริ่มเติบโตและเป็นที่รู้จัก เขายังออกแบบกลิ่นที่เข้ากับช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างกลิ่น ‘โชคดี’ ที่เป็นกลิ่นส้มผสมกับโรสแมรี่ รวมถึงกลิ่นที่เหมาะกับหน้าร้อนอย่าง Tropical หรือ กลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง ที่หอมหวานจนคนรักข้าวเหนียวมะม่วงไม่มีไม่ได้ออกมาอีก

[บรรยากาศที่กำหนดได้เอง]

 

          ด้วยจุดขายที่เป็นงานคราฟต์ทำมือ ราคาจับต้องได้ แถมยังทำจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ไม่ทิ้งสารตกค้างในอากาศ ภายในระยะเวลาเกือบ 2 ปี Wax Valley Candle Co. เติบโตและเป็นที่รู้จักไม่น้อยในแวดวงของผู้ที่หลงรักความหอม

          “เราเป็นคนชอบเรื่องกลิ่นหอมๆ อะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลยอยากจะพัฒนาโปรดัคไลน์ตัวนี้ให้มันดูเข้าถึงง่ายขึ้น ไม่ต้อง luxury หรือดูมีอายุเกินไป ให้วัยไหนก็ใช้ได้ ก็เลยเอาเทียนมาใส่ไว้ในตลับ ส่วนนึงก็เพื่อลดต้นทุน แต่อีกส่วนก็เพื่อทำให้มันดูเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น อันนี้ตลกตรงที่ช่วงแรกยังมีคนเข้าใจผิดว่าขายแว็กซ์แต่งผมอยู่เลย”

          แถมยังมีกิมมิคเล็กๆ อย่างการจัดเพลย์ลิสต์เพลงใน Spotify เอาไว้ให้เข้ากับบรรยากาศของเทียนหอมแต่ละกลิ่น เขาเคยบอกไว้ในบทสัมภาษณ์หนึ่งว่า ส่วนนี้จะคล้ายบริการหลังการขาย เพราะเขาเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องชอบอยู่ในบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังมีเพลงเพราะๆ ให้ฟังอีก

          “เรื่องกลิ่น เราว่ามันช่วยสร้างบรรยากาศ เวลาคิดกลิ่น เราเลยมีจินตนาการถึงบรรยากาศที่กลิ่นนี้มันควรอยู่ หรือเพลงที่มันน่าจะเข้ากันไว้ด้วย เราพยายามจำลององค์ประกอบพวกนี้ โดยคิดว่ามันน่าจะเป็นจุดขายที่แตกต่าง ที่ทำให้เราเป็นที่จดจำในแง่ของแบรนด์ที่เขาสามารถเลือกบรรยากาศแบบที่เขาต้องการ ผ่านกลิ่น แล้วก็เพลงที่เราเลือก” หนึ่งกล่าวทิ้งท้าย

 

อดีตนักข่าวที่อยากลองผันตัวมาเป็นนักเขียน

จุลดิศ อ่อนละมุน

ช่างภาพ

Categories: Craftmanship , TALKS