Castown คาสทาวน์ คราฟต์โซดาไทย คนไทยคิดให้คนไทยดื่ม

หากพูดถึง ‘น้ำอัดลม’ ทุกคนจะนึกถึงน้ำอัดลมอยู่ 2 แบบ คือ น้ำอัดลมในร้านค้า และน้ำโซดาชงผสมกับน้ำหวาน 

แต่มีเครื่องดื่มอีกรูปแบบหนึ่งที่ Craft ‘N’ Roll อยากเปิดให้คุณได้ลองชิม เป็นน้ำอัดลมจากฝีมือคนไทย ใช้วัตถุดิบของไทย และทำให้คนไทยดื่ม

เครื่องดื่มนี้มีชื่อว่า ‘Castown คาสทาวน์’ คราฟต์โซดาจากเปลือกกาแฟ

รัฐศรัณย์ พีรพงศ์เดชา (บอม) ผู้ก่อตั้งแบรนด์คาสทาวน์ เล่าว่า “จุดเริ่มต้นที่ได้มาทำคราฟต์โซดาคือ ผมมีร้านกาแฟอยู่ที่เชียงใหม่ และได้มีโอกาสขึ้นไปบนดอยเพื่อไปดูการปลูกกาแฟของชาวบ้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสะดุดตามากก็คือ ‘เปลือกกาแฟ’

เปลือกกาแฟ หรือ คาสคาร่า

เปลือกกาแฟที่ถูกทิ้ง นำมาตากแห้งสร้างมูลค่าเพิ่ม

หลังจากที่เกษตรกรเก็บผลกาแฟจากต้น ก็จะเอามาแยกจนได้เมล็ดและเปลือก เมล็ดกาแฟ เขาก็เอามาตาก คั่ว บด จนเป็นกาแฟให้เราชงดื่มกัน แต่เปลือกกาแฟที่มันโดนแยกออกมาแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ชาวบ้านก็จะเอาไปเทรอบๆ หมู่บ้าน พอมันมีปริมาณที่เยอะขึ้น มันก็กองรวมกันแล้วเน่า ส่งกลิ่นเหม็น สร้างมลภาวะให้กับคนในชุมชน

เพราะฉะนั้น เราก็คิดว่าเกษตรกรที่ปลูกกาแฟก็มีปัญหา แต่ว่าคนที่ไม่เคยขึ้นไปดูขั้นตอนทั้งหมดก็จะไม่มีใครรู้ว่า มันมีปัญหาแบบนี้ทุกปี ในช่วงที่เขาเก็บเกี่ยวกาแฟ

 

ผู้ก่อตั้งคาสทาวน์ คราฟต์โซดา

จากเปลือกกาแฟสู่คราฟต์โซดา

รัฐศรัณย์ : ผมลองหาข้อมูลดูว่า เปลือกกาแฟ (Cascara) มันเอาไปทำอะไรได้บ้าง ก็พบว่าเกษตรกรที่ปลูกกาแฟทางยุโรป เขาเอาเปลือกพวกนี้มาตากแดด ให้มันแห้งเหมือนชา แล้วก็เอามาชงดื่มก่อนออกไปทำสวน เขาบอกว่าดื่มแล้วมันสดชื่นเหมือนกัน แต่มันไม่ได้แบบรุนแรง หรือคาเฟอีนเยอะเท่ากาแฟ

ผมเลยตั้งใจว่าจะทำเครื่องดื่มจากเปลือกกาแฟ จากนั้นก็เลยทดลองทำมาเรื่อยๆ ลองเอามาตากแห้ง สกัด วิจัยและพัฒนา จนออกมาเป็น ‘คราฟต์โซดา’

 

คราฟต์โซดา คือ อะไร?

รัฐศรัณย์ : คราฟต์โซดา คือ เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมนี่แหละ แต่คำว่า ‘คราฟต์’ แปลว่า ทำด้วยมือ ฉะนั้นความแตกต่างของน้ำอัดลมตามท้องตลาดกับคราฟต์โซดาทั่วโลก คือ การทำด้วยมือ กับการทำในโรงงานขนาดใหญ่

แต่สำหรับ คาสทาวน์ เราคราฟต์ไปถึงจนขั้นตอนการเลือกวัตถุดิบ เพราะเรารับซื้อเปลือกกาแฟตากแห้งจากชุมชนในเชียงใหม่ นำมาทำสารสกัดเข้มขัน แล้วเติมยีสต์ลงไปให้เกิดความซ่าจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

 

workshop castown

สร้าง Community ของคนรัก Castown

รัฐศรัณย์ : คาสทาวน์ ไม่ได้มีหน้าร้าน เราขายผ่านทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ จากนั้นมันก็เติบโตจากปากต่อปาก เริ่มมีร้านอาหารที่สั่งคาสทาวน์เป็นประจำ ลูกค้าในร้านอาหารที่ได้ลองก็ติดใจ ก็ได้รับความนิยม คนชอบเยอะขึ้น คนก็ถามมาเยอะขึ้น

ผมเลยรู้สึกว่ามีกลุ่มคนแบบเราเยอะเหมือนกัน แล้วก็น่าจะมีคนไทยอีกมากมายที่อยากทำเป็น แต่แค่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง มันเริ่มตรงไหน ผมก็เลยเปิด Workshop ขึ้น เพื่อส่งต่อ Know How ที่แบบง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน ทำได้ในครัวเรือน ไม่ต้องลงทุนสูง ไม่ต้องใช้เครื่องจักร

เป้าหมายของ Castown คืออะไร?

ทุกคนหวังหมดแหละ หวังว่าจะรวย หวังว่าต้องเข้าห้าง ต้องเข้าเซเว่น และก็คาดหวังว่าตลาดพวกนี้จะทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่ผมมองว่าไม่ใช่ ผมมันไม่เรียกว่าเป้าหมาย ผมอยู่ด้วยความฝันมากกว่า

เวลาผมไปญี่ปุ่น ไปฝรั่งเศส เดินไปหมู่บ้านไหนก็มีแต่ไวน์ของหมู่บ้านนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวก็อยากจะไป เพราะว่าสิ่งที่มันมีคุณค่าอยู่ที่เมืองนั้น คนฝรั่งเศสทุกเมืองคิดว่า ไวน์บ้านกูดีที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นทุกคนคิดตรงกัน ทุกคนมองไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน ว่าจะทำให้สินค้าของตัวเองดีที่สุด ฉะนั้นเขาจึงให้คุณค่ากับสินค้าทางการเกษตรของเขา

แต่อย่างบ้านเรา ไม่ต้องไปถึงขั้นทำเบียร์หรือไวน์ก็ได้ เอาแค่คราฟต์โซดาที่ทำง่ายๆ ถ้าทุกคนสามารถเอาความรู้เรื่องการทำเครื่องดื่มของผม หรือแรงบันดาลใจจากคาสทาวน์ เอาไป Develop ต่อ ไปพัฒนาสินค้าทางการเกษตรของบ้านเรา ให้กลายเป็นเครื่องดื่มประจำท้องถิ่นได้ ผมคิดว่ามันต้องสนุกมากๆ นี่แหละคือความฝันของผม

 

 

คาสทาวน์ รสชาติเยอะมาก

รสชาตที่หลากหลายของคาสทาวน์

สินค้าของประเทศไทย จะไปถึงตรงนั้นได้ต้องทำยังไง?

ที่สหรัฐอเมริกา ผมขายคราฟต์โซดาคุณขวดละ 1 เหรียญ มันก็คือ 1 เหรียญ แต่ถ้าอยู่ประเทศไทย ผมขายขวดละ 50 บาท คนก็จะต่อราคา 40 ได้ไหม? 30 ได้ไหม? ถ้าซื้อเยอะลดเหลือ 25 ได้ปะ?

เราไม่ได้มองเห็นคุณค่าเลย ว่าเขาทำอะไรกัน ผมว่าสิ่งเหล่านี้คือต้นตอที่จะทำให้ทุกอย่างไม่ก้าวหน้า

ถ้านวัตกรรมหรือสินค้าของคนไทย จะดีและมีคุณค่าได้ ผู้บริโภคต้องให้คุณค่ากับสินค้านั้นก่อน

 

ที่มาภาพ : Castown

Castown Original คราฟต์โซดาจากคาสคาร่า

นักเขียนเนื้อหาในด้านธุรกิจ งานคราฟต์ และการตลาด
ชอบเลื่อนหาซีรีส์แปลกๆ ใน Netflix ดู ก่อนที่จะหลับและไม่ได้ดูอะไรเลย

Categories: Craftmanship , TALKS