2. Weizen by Five Human, Red Stone และ Wizard Brew
เครื่องดื่มลำดับที่ 2 คือ Weizen ที่มีคาแรกเตอร์บางเบา ดื่มง่ายและมีกลิ่นหอมของกล้วย เหมาะกับการเริ่มต้นเรียกน้ำย่อย โดยมีตัวเลือกเป็นเบียร์คราฟท์ไทย 3 แบรนด์ดัง ได้แก่ Five Human ที่มาพร้อมเบียร์คราฟท์พิเศษของงานนี้ คือ Craft ‘N Roll Weizen แอลกอฮอล์ 4.5 – 5.5% ตัวนี้มีกลิ่นและรสชาติเบียร์ที่แตกต่างจาก Weizen แบบปกติตรงที่รสชาติไม่หวานมาก มีรสขมติดปลายมาตัดเลี่ยน แล้วลดกลิ่นกล้วยแต่เพิ่มก้านพลูให้ได้กลิ่นอโรมานิดๆ ให้เข้ากับบรรยากาศของงาน Red Stone มาพร้อมกับ Weizen แอลกอฮอล์ 4.8% ที่รสชาติซับซ้อนขึ้น ความพิเศษอยู่ที่การใช้ฮ็อป 2 ตัวที่แตกต่างกัน เริ่มด้วยรสขมจากฮ็อป ตัวแรกที่ทิ้งด้วยความหวานไว้ที่ปลายลิ้นแล้วตบท้ายด้วยรสขมอีกครั้งจากฮ็อปตัวที่สอง และเพิ่มมอลต์เป็น 4 ตัว จากปกติที่ใช้แค่ 3 ตัว ทำให้ได้เบียร์ที่มีบอดี้ ฟอง และความหวานของเบียร์มากขึ้น แล้วยังพิถีพิถันในการต้มแบบไล่อุณหภูมิเพื่อดึงความหวานของมอลต์แต่ละตัว และเพิ่มกลิ่นความเป็นฟรุตตี้จากมะม่วงเข้ามาเสริม นอกจากนี้ยังมีเบียร์คราฟท์แบรนด์น้องใหม่นามว่า Wizard Brew จากพัทยาหอบหิ้ว Weizen แอลกอฮอล์ 5 % มาให้ได้ชิม ตัวนี้ตั้งใจทำเบียร์มาให้ได้ชิมเอกลักษณ์ที่แท้จริงของเบียร์สไตล์นี้ คือมีกลิ่นยีสต์ ฮ็อปบางๆ และกลิ่นกล้วย รสชาติที่เบาและดื่มง่าย คล่องคอเหมาะแก่การเริ่มต้น
3. Witbier by Triple Pearl
เครื่องดื่มลำดับที่ 3 ขอนำเสนอ Witbier เป็นเบียร์ที่ผลิตแบบเบลเยี่ยมแต่ใช้ยีสต์แบบเยอรมัน ทำให้มีกลิ่นหอมของเปลือกส้มกับความซ่าของเม็ดผักชี แต่เมื่อเบียร์เริ่มอุ่นจะได้กลิ่นกล้วยปล่อยออกมาตามสไตล์เบียร์เยอรมัน ให้ความรู้สึกสดชื่นเวลาดื่ม ดื่มง่ายๆ ลื่นๆ ตัวนี้ Triple Pearl แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในการทำเบียร์สไตล์ Witbier อยู่แล้ว ครั้งนี้เขานำเบียร์ Weisse Pearl แอลกอฮอล์ 5.5 % ที่ทำรสชาติให้พิเศษมากขึ้น เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ตัวเดิมเป็นตัวที่ออกกลางๆ ดื่มง่าย ไม่ขมมาก ลื่นคอ แต่ความพิเศษของ Weisse Pearl ตัวนี้จะมีกลิ่นส้ม และมีความสดชื่นมากขึ้น อย่างเช่นเม็ดผักชีที่เพิ่มเข้าไป เพื่อให้เข้ากับอาหารไทยมากขึ้น การเริ่มต้นด้วย Witbier เบาๆ เป็นตัวเริ่มต้นทำให้ได้อรรถรสมากขึ้นในเมนูต่อไป
4. Saison by Devanom
เครื่องดื่มลำดับที่ 4 อาสาโดย Devanom หรือ เทพพนม เขานำเบียร์ Saison แอลกอฮอล์ 6 % เบียร์สไตล์เบลเยี่ยมที่นิยมดื่มกันในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว เป็นเบียร์ที่ดื่มง่าย ให้ความรู้สดชื่น มีกลิ่นหอมและรสชาติของเครื่องเทศ รวมถึงการผลิตที่แตกต่างจากการทำเบียร์ทั่วไปคือ สามารถหมักในอุณหภูมิห้อง 28 – 32 องศา โดยไม่ต้องใช้ตู้แช่ ในขณะที่เบียร์ปกติจะหมักที่อุณหภูมิ 18 – 20 องศา ความพิเศษของเบียร์ Saison ตัวนี้ อยู่ตรงที่การใส่น้ำผึ้งดอกลำไยลงไป ทำให้เบียร์มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งและดอกไม้เพิ่มเข้ามา นอกเหนือจากกลิ่นก้านพลูและกล้วย ส่วนรสชาติของเบียร์ไม่ขมมากนัก ติดออกหวานนิดๆ ทำให้ดื่มง่าย และแทรกไว้ด้วยความสไปซี่ที่ช่วยเสริมรสชาติให้เมนูซุปอร่อยยิ่งขึ้น เบียร์ตัวนี้ Devanom ไม่ได้วางขายทั่วไป ใครที่ติดใจฝีมือของแบรนด์นี้ ก็ตามมาชิมกันแบบเอ็กซ์คลูซีพได้ที่งานนี้เท่านั้น
5. Pale Ale by X Beer
เครื่องดื่มลำดับที่ 5 เราของนำเสนอ Pale Ale โดยทั่วไปเพลเอลเป็นเบียร์ที่มีรสชาติมอลต์และฮ็อปชัดเจน และอาจมีรสชาติอ่อนๆ ของผลไม้ รสขมและแรงแบบจัดจ้าน งานนี้ X Beer ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเรื่องของมาตรฐานและคุณภาพการทำเบียร์แอลกอฮอล์สูงมาในมาดใหม่ คือทำเบียร์ดื่มง่าย ผสมผสานกลิ่นผลไม้เมืองร้อน ด้วยบอดี้ที่ไม่หนักมาก และแอลกอฮอล์เพียง 5.5 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่พิเศษสำหรับการทำเพลเอลครั้งนี้ คือเป็นซิงเกิ้ลฮ็อปที่หลายคนถูกใจและโหยหาจากงานครั้งที่แล้ว เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าการจะทำให้ฮ็อปตัวเดียวให้บาลานซ์ได้นั้นยากขนาดไหน และคราวนี้กลับมาเพื่อทำเพลเอลสำหรับงานแพร์ริ่งครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตัวนี้ทาง X Beer บอกเราว่าจะช่วยเสริมอาหารรสชาติเผ็ดร้อนได้ดี เป็นการจับคู่รสชาติที่แตกต่างอย่างลงตัว ระหว่างความจัดจ้านเผ็ดร้อนแบบไทย กับความหอมละมุนของฮ็อปและบอดี้ที่บางเบา เหมาะกับการดื่มเป็นเมนูกลางๆ ก่อนจะไปสู่ตัวที่หนักขึ้นต่อไป
6. Weizen bock by Soi Beer
เครื่องดื่มลำดับที่ 6 คือ Weizen bock เป็นการพัฒนาความแรงของระดับแอลกอฮอล์จาก Weizen ธรรมดา จากเดิมแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 5% เป็น 7 % แต่ก็ยังคงใช้ส่วนผสมของมอลต์ ฮ็อป ยีสต์ น้ำ โดยไม่มีส่วนประกอบอื่นมาผสม จึงทำให้เป็นเบียร์ที่ทดสอบฝีมือนักต้มมากที่สุดตัวหนึ่ง สำหรับงานนี้ Soi Beer ขออาสาจัด Soi Weizen bock มาให้เราได้ลิ้มลองโดยเพิ่มเติมความพิเศษไม่ใช่แค่การโชว์ฝีมือเรื่องรสชาติที่ได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของ Soi Beer ที่ชื่นชอบเบียร์แอลกอฮอล์สูง เบียร์ตัวนี้จึงมาพร้อมแอลกอฮอล์ 8% ด้วยรสชาติที่เข้มข้นกว่า บอดี้ที่หนักหน่วงกว่าปกติ มีกลิ่นที่หอมหวานไปทางกล้วย สับปะรด ฉ่ำๆ และรสชาติที่ไม่ขมจัด เด็ดขนาดนี้ต้องมาลองชิมดูว่าจะเด็ดขนาดไหน
7. India Wheat Ale (IWA) by Sandport
เครื่องดื่มลำดับที่ 7 หากใครยังติดใจในรสชาติเบียร์คราฟท์ของ Sandport จากงาน Craft N Roll Carnival เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ทางบริวเวอร์นำกลับมาให้ดื่มกันอีกครั้งกับตัว Wheat of The Wall แอลกอฮอล์ 4.8% เป็น India Wheat Ale หรือ Hoppy Wheat โดยมีเบสเป็นข้าวสาลี ซึ่งปกติตามสไตล์ Wheat Beer จะไม่ได้เน้นฮ็อปมากนัก แต่ทางแบรนด์จับมาประสานเข้ากับสไตล์ India Pale Ale จะได้เบียร์ที่มีความนุ่มของข้าวสาลี กับรสสัมผัสของฮ็อป สไตล์อเมริกา มีเปลือกส้ม อารมณ์ลูกครึ่งสายเบลเยี่ยมอย่าง Hoegaarden กับ Punk IPA ที่จับเอาข้อดีของทั้งสองอย่างมารวมกัน ซึ่งเบียร์ที่เป็นข้าวสาลีจะช่วยเสริมรสชาติอาหารให้อร่อยขึ้น และเบียร์ตัวนี้พิเศษกว่างานครั้งก่อนตรงที่เพิ่ม ฮ็อปเข้าไป ทำให้ได้กลิ่นหอมมากกว่าเดิม และรสชาติที่ขมกว่าเบียร์ปกติ ซึ่งจะเอามาเปิดตัวให้ชิมกันที่งานนี้เป็นที่แรก
8. Porter by Chitbeer
เครื่องดื่มลำดับที่ 8 ปิดท้ายในงานนี้ด้วย Porter จาก Chitbeer นามว่า Blackheel Porter แอลกอฮอล์ 6.5 -6.8 เปอร์เซ็นต์ ปกติ Porter ก็คือเบียร์ดำที่เราคุ้นหูกัน ส่วนคาแรกเตอร์ของเบียร์ดำตัวนี้มาจากการนำเอกลักษณ์ของมอลต์มาสร้างสรรค์เป็นโปรไฟล์ที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้มอลต์มากถึง 4 ตัวที่หาไม่ได้ในประเทศไทย อย่างฮันนี่มอลต์ ช็อกโกแลตมอลต์ แบล็คพาเท็นต์มอลต์ และสเปเชียลโรสมอลต์ เพื่อสร้างองค์ประกอบพิเศษที่ทำให้เกิดการไล่สีและรสชาติสมดุลลื่นไหล ไม่ขาดช่วง ความพิเศษของตัวนี้ อันดับแรก คุณภาพของส่วนประกอบซึ่งเป็นมอลต์หายาก และความครบเครื่องของมันทำให้มีบอดี้หนึบๆ ตามคาแรกเตอร์ของ Porter เกิดเป็นกลิ่นข้าวคั่ว น้ำตาลไหม้ ความเข้มขมซึ่งมาจากมอลต์เป็นหลัก รสออกกาแฟนิด ๆ แต่ไม่ได้ใส่กาแฟเลย และด้วยความขมที่แตกต่าง ทำให้คนนิยมกินคู่กับของหวานเหมือนเป็นบิวตี้แอนด์เดอะบีสต์ที่ลงตัว เหมาะจะเป็นตัวปิดท้ายสำหรับค่ำคืนสุดพิเศษที่เราจะได้มาเจอกัน
แล้วอย่าลืมมาพบกัน วันเสาร์ ที่ 5 มีนาคม 2559 นี้ ที่ Sky Bar โรงแรมไมด้า ทวาราวดี แกรนด์ นครปฐม ตั้งแต่ 19.00 น. – เที่ยงคืน เบียร์และอาหารเสิร์ฟ Free Flow ตลอดงาน ซื้อบัตรได้ที่ http://payment.craftnroll.net/ หรือ โทร. 089-811-1901
งาน Pairing Dinner Night ที่จะจัดขึ้นที่โรงแรมไมด้า ทวารวดี นครปฐมใกล้เข้ามาแล้ว ทีมงาน Craft ‘n Roll จึงได้ขอนำเอาลายแทงและรายละเอียดเบียร์คราฟท์และเครื่องดื่มพิเศษที่จะเสิร์ฟในงานทุกตัวมาฝาก เอาไว้ให้ทุกคนได้เตรียมตัวออกเดินทางไปค้นพบประสบการณ์ด้านรสชาติและเสน่ห์ของเบียร์คราฟท์และอาหารที่เราคัดสรรมาเข้าคู่กันได้อย่างเต็มที่ งานนี้แบรนด์ไหนจัดเบียร์คราฟท์ตัวพิเศษอะไรมาฝากเราบ้าง แล้วตัวไหนควรดื่มก่อนหรือหลัง ลองไปติดตามกันดู
1. Welcome Drink : Woodford Reserve, Bourbon Whisky
Welcome Drink เปิดงานจากสปอนเซอร์ใจดีของเรา Bourbon Whisky หรือวิสกี้จากฝั่งอเมริกาที่คราฟท์สุดๆ ด้วยแฮนด์เมดทุกกระบวนการตั้งแต่การเก็บเกี่ยววัตถุดิบที่ใช้ส่วนผสมหลักจากข้าวโพดคุณภาพสูง ไปจนถึงการหมัก การกลั่นในหม้อทองแดงอันเป็นเอกลักษณ์สุดพิเศษถึง 3 ครั้งติดต่อกัน และการบ่มในถังไม้โอ๊คขาวใหม่ จนได้เป็น Bourbon Whisky รสชาติหนักแน่นความแรงถึง 43.2 ดีกรี ต่างจากวิสกี้รายอื่นมีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 40 ดีกรี กระบวนการผลิตล้วนพิถีพิถันและยังคงใช้วิธีดั้งเดิมตั้งแต่ปี 1812 และยังได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน Welcome Drink ตัวนี้เสิร์ฟเป็นออนเดอะร๊อคเพื่อให้ได้เปิดการรับรสชาติฟูลบอดี้อันเป็นเอกลักษณ์สุดพิเศษจาก Bourbon Whisky ชัดเจนด้วยกลิ่นรมควัน และรสสัมผัสเริ่มต้นอันร้อนแรงจากความเผ็ดร้อนดุดัน แต่กลับปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์เทสต์อันนุ่มนวลละมุนในปากยาวนานยากที่จะลืมลง