เบียร์คราฟท์ สัญชาติไทยในตำนาน ที่คนรักคราฟท์เบียร์ในไทยน้อยคนนักจะไม่รู้จัก เพราะนอกจากจะเป็นร้านคราฟท์เบียร์คอมมูนิตี้ให้นั่งชิลล์ แชร์ประสบการณ์กันริมแม้น้ำเจ้าพระยาบนเกาะเกร็ดแล้ว ยังเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้การต้มเบียร์ให้กับนักดื่มที่อยากล้วงลึกกระบวนการผลิตเบียร์ เปลี่ยนจากแค่นักดื่มมาเป็นนักต้มอีกด้วย
แต่แทนที่เราจะล้วงลึกเรื่องเบียร์ เราขอมาล้วงลึกแนวคิดของ พี่ชิต หรือ คุณวิชิต ซ้ายเกล้า ที่มีลูกศิษย์กันทั่วบ้านทั่วเมืองคนนี้กันดีกว่า
จุดเริ่มต้นของชิตเบียร์
“พี่ชิต” คำเรียกติดปากของทั้งลูกศิษย์และคนทั่วไป คือผู้ก่อตั้งร้านชิตเบียร์แห่งนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2012 แต่จุดเริ่มต้นของพี่ชิตเริ่มต้นมานานกว่านั้น
พี่ชิตเล่าว่าได้รู้จักคราฟท์เบียร์ครั้งแรกตอนเรียนอยู่ที่อเมริกาแล้วเพื่อนต้มเบียร์ให้กิน แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจมากมาย จนกระทั่งปี 2003 พี่ชิตเรียนจบ แล้วกลับเมืองไทยพร้อม บอกกับน้องชายและเพื่อนๆ ว่าจะต้มเบียร์ให้กิน ซึ่งในขณะนั้นไม่มีใครเชื่อเพราะในประเทศไทยยังไม่มีเรื่องคราฟท์เบียร์เกิดขึ้นอย่างจริงจัง มีเพียงร้านบ้านน้ำเคียงดิน หรือโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงเท่านั้นที่ผลิตและขายเองในร้าน “เหตุผลที่พูดแบบนั้นเพราะพี่หวั่นใจลึกๆ ว่า ตอนแก่ขึ้นต้องเหงาแน่ๆ ถ้าต้มเบียร์ได้เพื่อนต้องมาหา สองคือ เวลาไปเที่ยวต้องชวนเรา เพราะเราต้มเบียร์ได้ คิดแค่นั้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ทำเมื่อไหร่หรอกนะ”
จุดเปลี่ยนของพี่ชิตเริ่มต้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว วันที่พี่ชิตได้ค้นพบโลกของเบียร์ที่เปลี่ยนชีวิต “วันนั้นนัดเพื่อนไปกินร้าน HOB ซอยอารีย์ พี่ตกใจมาก เบียร์อะไรวะตั้งสองสามร้อยตัว มันเกิดไรขึ้นวะบนโลกใบนี้ กลับมาเสิร์ชหาข้อมูลในเน็ตเรื่องคราฟท์เบียร์ เฮ้ยนี่มันดีไอวายชัดๆ รู้เลยว่าโลกนี้เปลี่ยนแล้ว เรื่องราวของมันเยอะมาก มีมานานมากแล้ว แต่ตอนอยู่อเมริกายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย สนใจแค่ว่าจะเรียนจบไหมแค่นั้น”
หลังจากนั้นพี่ชิตจึงสั่งชุดต้มเบียร์มาจากอเมซอนโดยเริ่มต้นที่คอนโดเป็นครั้งแรก แต่ล้มเหลว “ตอนนั้นบอกกับคนที่เคยจะต้มเบียร์ให้กินว่า จำที่พี่ชิตพูดได้ใช่ไหม พี่ชิตทำแล้วนะ จบนะ”
เสียงเรียกจากสวรรค์ให้หวนคืนสู่วงการ
ตอนนั้นพี่ชิตเลิกต้มเบียร์ไปนานสองปี แต่ทำอีกความฝันสำเร็จ นั่นคือการได้บ้านริมน้ำบนเกาะเกร็ดมาครอบครอง แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรในบ้านหลังนี้ดี จึงเรียกเพื่อนฝูงหลายกลุ่มมาดูบ้านหลังนี้แล้วถามว่าเห็นบ้านนี้แล้วคิดถึงอะไร ทุกคนตอบเหมือนกันว่า “ทำเบียร์เลยชิต” เสียงเชียร์ของเพื่อนๆ ในวันนั้น คือเสียงสวรรค์ที่ทำให้กลับมาต้มเบียร์อีกครั้ง พี่ชิตเล่า “หารู้ไม่ว่ากูเริ่มมาสองปีแล้ว กูล้มเหลวมาแล้ว แต่เพื่อนเสือกจำได้ เฮ้ย เราต้องเชื่อในสัญญาณนั้นทันที เหมือนเป็นตัวชี้แนวทางให้เราไปสู่บางอย่างที่สนุก” พี่ชิตกล่าว “โชคดีที่ว่าชุดต้มเบียร์ที่สั่งจากอเมซอนตอนนั้นมันมี 3 ชุด มันยิงขึ้นฟ้าไปแล้วสอง เหลืออีกหนึ่ง กลับไปอ่านคู่มือใหม่อย่างละเอียด สุดท้ายก็ได้รู้ว่าทำไมเราถึงได้ล้มเหลวมาทั้งสองครั้ง เพราะพี่โยนยีสต์ทิ้งทุกครั้งเลย พอเปิดกล่องขึ้นมาเห็นซองอะไรก็ไม่รู้ คิดว่าต้องเป็นสารกันบูดแน่นอน ชุดสุดท้ายพี่ทำที่บ้านเกาะเกร็ด ออกมาฟองสวยชวนเพื่อนมาดื่มกันถังแรกมีแค่แปดลิตร ใส่แปดขวด ขวดละลิตร ลองจินตนาการถึงความสุขที่มันฉุดไม่อยู่แล้วสิ คือเราทำอะไรบางอย่างให้มันเกิดขึ้นได้แล้ว”
แรงผลักดันมาจากความเชื่อ
“ณ วันนั้นเรารู้นะว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเดินต่อไม่ได้ แต่เราก็อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี” พี่ชิตเล่า “เราแค่อยากได้ยินว่าคนธรรมดาต้มเบียร์กินได้ หลังจากนั้นมันเป็นเรื่องของแรงบันดาลใจที่จะไปต่อยอดเอาเอง”
พี่ชิตบอกว่าอย่าไปต่อสู้กับกฎหมาย แต่จงใช้พลังงานของเราไปเน้นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ แล้วเชื่อมโยงกัน สร้างเครือข่าย อยากให้คราฟท์เบียร์ พูดภาษาของมันเองได้ หรือถ้ามันสื่อไปถึงคนที่เขาดูแลหรือสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้วเขาชอบ แล้วเห็นว่าถึงเวลาที่มันไปต่อได้แบบถูกต้องแล้ว ก็ยิ่งดี “วันนี้เราทำได้แค่ทำในสิ่งที่เราต้องทำ คือทำให้เบียร์พูดภาษาของมันได้เอง” พี่ชิตเชื่อว่าอิทธิพลจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกจะผสานรวมกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ “รู้ไหมตลอดระยะเวลาที่เกิดคราฟท์เบียร์ของยุโรป และอเมริกาหลายร้อยปีที่ผ่านมา มันมีนักต้มขั้นเทพเกิดขึ้นเต็มไปหมดเลย คิดว่ามันอยากจะชนกันเหรอ มันก็อยากหาดินแดนเวอร์จิ้น สถานที่ที่ยังไม่มีคราฟท์เบียร์ ถ้าเกิดลาว พม่า กัมพูชา มีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้ แล้วเมืองไทยจะอยู่เฉยๆ เหรอ เราก็ต้องคิดใหม่ทำใหม่ แล้วยิ่งถ้า AEC เปิดอีก นี่คือปัจจัยภายนอกที่พี่เชื่อว่าอีกไม่เกิน 5 ปี ทุกปัจจัยจะผลักดันไปสู่การเปลี่ยนแปลง ณ วันนั้นมะม่วงพร้อมจะหล่นจากต้น แค่เราดีดนิ้วเพราะว่ามันสุกงอมเต็มที่แล้ว”
Mission ของชิตเบียร์
พี่ชิตบอกเราว่าคนที่ทำเบียร์ดื่มเองน่าจะมีอยู่ แต่ไม่มีใครทำเป็นศูนย์การเรียนรู้จริงจัง “ทุกเรื่องที่พี่สอนเป็นเรื่องพื้นฐานล้วนๆ แต่ที่เหลือคือความบ้าของพวกมัน” พี่ชิตกล่าว ปัจจุบัน Chitbeer เปิดมาแล้วสามปี และกำลังก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงในบทบาทศูนย์การเรียนรู้การต้มเบียร์ในนาม “โรงเบียร์มิตรสัมพันธ์” ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้อีกครั้ง
นอกจากจะมีคราฟท์เบียร์คุณภาพให้ดื่ม ยังทำหน้าที่เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจกระตุ้นให้กำแพงที่ทุกคนอยากกระโดดข้ามเตี้ยลง และทำให้มีคนอยากกระโดดข้ามไปเรื่อยๆ นั่นคือสิ่งที่พี่ชิตอยากให้เกิดขึ้น และภาพที่พี่ชิตอยากเห็นคือ อยากให้มีเบียร์คราฟท์เกิดขึ้นทั่วประเทศ “พี่อยากเห็น เวลาฝรั่งมาเมืองไทยต้องใช้ลายแทงร้านคราฟท์เบียร์ เพราะ 76 จังหวัด มี 76 เบียร์ ถ้าได้ภาพแบบนี้พี่ก็ถือว่าภารกิจของพี่จบละ พี่จะหยุดต้ม เพราะพี่การันตีได้เลยว่าจะได้กินเบียร์ฟรีตลอดชีวิตเพราะลูกศิษย์พี่หมดเลย”(หัวเราะ)
“สำหรับพี่…ชิตเบียร์เป็นแค่จิ๊กซอว์เล็กๆ ตัวหนึ่งที่รอการรวมตัวกับเรื่องอื่น กลายเป็นศูนย์รวมของคราฟท์เบียร์ได้อย่างแท้จริง ใครก็อปปี้ไม่ได้ มันต้องคนตรงนั้นทำเท่านั้น นั่นแหละถึงจะเจ๋ง”
เทรนด์การดื่มเบียร์ในอนาคต
“พี่ว่าคนในโลกนี้ต้องการตัวเลือก โลกนี้ต้องการอะไรที่เฉพาะกลุ่ม นี่คือเทรนด์สากล จากเคยโดนบังคับให้ดูแค่ช่องสาม ห้า เจ็ด เก้า ตอนนี้มีดิจิตอลทีวีมาเป็นตัวเลือก เคยโดนบังคับให้ซื้อซีดีทีละ12 เพลงตอนนี้ออกเป็นเพลงเดียวก็มีขาย โลกนี้ไม่มีการผูกขาดอีกต่อไป โลกอนาคตเป็นโลกที่ผู้บริโภคได้เปรียบ เพราะว่าไม่มีใครสามารถปิดกั้นอะไรได้ การผูกขาดทางการค้าจะไม่มีอีกต่อไป นี่คือเทรนด์ของทุกวงการในโลก มีแต่ชนะ ประเด็นคือมันจะเป็นปีนี้ ปีหน้าหรืออีกสิบปี แต่ชนะแน่นอนก่อนตาย(หัวเราะ)
Craft Beer Community
“เราเชื่อในเครือข่าย เชื่อในองค์กร เชื่อในเรา เราก็อยากโชว์ของอยู่แล้ว ในบรรยากาศดีๆ เพลงดีๆ นอกจากงาน Craft’N Roll Carnival ที่เลือกเบียร์ของเราไปใช้ในงานด้วย ต่อไปเราก็อาจจะแลกเปลี่ยนสถานที่จัดกิจกรรมไปเรื่อยๆ เพราะเรามีกลุ่มที่เขาใหญ่ มีกลุ่มที่บางแสน จังหวัดชลบุรี และอีกหลายที่”
พี่ชิตตั้งคำถามว่า “ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่บางอย่างที่มีความหมายเท่านั้นที่จะได้อยู่ต่อ เรากลับไม่มีความพยายามหรือไม่มีโอกาสได้ลอง เราต้องเชื่อทุกอย่างที่คนอื่นบอกให้เราทำ ให้เราเดินเป็นแถวตรงอย่างนั้นหรือ แต่ถ้าเราใส่ความคิดพวกนี้ไปยังคนอื่นรุ่นต่อๆ ไปได้ ประเทศเราก็จะเปลี่ยนเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์”
Contact
Facebook: Chitbeer
Email: [email protected]
Mobile: 089 799 1123
Website: Chitbeer