ช่วงเวลาเย็นๆ หลังจากเหนื่อยล้ากับการทำงานมาทั้งวัน ต้องบอกเลยว่าชีวิตโหยหาการหย่อนใจมากกว่าการพักผ่อน ตามสไตล์ Craft n’ Roll ที่เบียร์เย็นๆ ชนะทุกการพักผ่อนใดๆ วันนี้มีโอกาสได้มาเยือนร้าน “The Drunken Leprechaun” (เดอะดรังก์เคนเลปเพอร์คอน) ซึ่งทางร้านจัดงาน “Wish you were beer” เพื่อฉลองเทศกาลเบียร์นานาชาติ ภายใต้คอนเซป Four Point Four Stories
ภายในงานจัดขึ้นอย่างอบอุ่นวิทยากรได้บองเล่าคอนเซปของร้าน ที่ยกรูปแบบมาจากไอริชทุกรายละเอียด ตกแต่งโทนสีเข้มดูสุขุม ตัดกับดนตรีสดนุ่มๆ ฟังสบาย พร้อมรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอล หรือรักบี้ ที่ทางร้านเปิดให้ชมกันตลอดทั้งคืน เท่านั้นยังไม่พอทางร้านเสิร์ฟป๊อปคอร์นให้ทานคู่เบียร์ “ฟรี” เหมาะกับการชวนกลุ่มเพื่อนมานั่งชิวๆ หลังจากเลิกงานเป็นที่สุด
ก่อนเข้าช่วงสำคัญของงาน ทางร้านก็ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเบียร์แบบต่างๆ ก่อนจะชวนทำคอคเทลเบียร์ถึง 4 แบบ ต้องบอกเลยว่าครั้งแรกที่ได้ลองทำถือว่าหน้าตาออกมาดูดีทีเดีย
ช่วงสำคัญของการ Pairing เบียร์คู่กับอาหารไอริชในค่ำคืนนี้ ทางร้านได้จัดเมนูอาหารถึง 4 อย่าง พร้อมของหวาน 1 อย่าง ให้ได้ลองทานคู่กันกับเบียร์ 2 ตัวที่ทางร้านเลือกมาให้ได้ลอง คือ Mermaid Red และ Dead Pony
เมนูแรก Paddy Wrap อารมณ์จะประมาณเคบับ แต่ใช้ยอร์คเชอร์พุดดิ้งเป็นขนมปังที่ด้านนอกกรอบ ด้านในฟูนุ่ม โดยสอดไส้ด้านในด้วยเนื้อ และผักสด ด้านในชุ่มซอสสูตรลับของทางร้านทานเพลินๆเกินห้ามใจ ตัดเลี่ยนด้วยเบียร์ Mermaid Red ที่เข้ามาเติมรสชาติของเนื้อให้เข้ม และกลมกล่อม
เมนูต่อมาคือ พายเนื้อ มันบดแกะอบ และเพรสเซลซอสชีส 3 เมนูที่เสิร์ฟมาพร้อมกันจับคู่กับเบียร์ Dead Pony
จานแรก (พายเนื้อ) พายโดมกรอบๆ สอดไส้เนื้อนุ่มๆ ชุ่มซอส หอมเครื่องเทศอ่อนๆ รสชาติออกหวานนิดๆ ทานคู่กับแป้งพายช่วยเพิ่ม Texture ในการเคี้ยวได้อย่างดี เรียกได้ว่าทานเพลินๆ เมนูนี้เมื่อทานคู่กับเบียร์ Dead Pony เบียร์จะช่วยดึงรสชาติเนื้อให้โดดเด่นและนอกจากนั้น ยังช่วยบาลานส์รสอาหารไม่ให้เลี่ยนเกินไปอีกด้วย
จานต่อมา (มันบดแกะอบ) จานนี้ทานเพลินแบบหยุดไม่ได้ ตักจนหมดถ้วยก็ยังอยากทานอีก ด้านบนจะเป็นมันบดที่อบจนด้านนอกเป็นสีเหลือมทองกรอบๆ ส่วนด้านในเป็นเนื้อแกะกับซอสสูตรพิเศษจากทางร้านที่เมือทานทั้ง 2 อย่างคู่กันรสเข้มของเนื้อแกะ จะถูกทำให้กลมกล่อมด้วยตัวมันบดด้านบน และเช่นเดียวกันเบียร์ช่วยให้รสชาติมีมิติขึ้น ความขมตัดรสเลี่ยน และทำให้ได้กลิ่นหอมๆจากเนื้อแกะเพิ่มขึ้น แค่นึกถึงก็หิวแล้ว
จานสุดท้ายที่จับคู่กับเบียร์ Dead Pony คือ (เพรสเซล กับซอสชีส) ตัวขนมปังกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับซอสชีสที่มีรสเค็มนิดๆ อร่อยอย่าบอกใคร เป็นเมนูกับแกล้มชั้นดีเลยทีเดียว
สุดท้ายตบด้วยของหวานจากทางร้านกับเค้กแอปเปิ้ลสูตรพิเศษ ที่เนื้อนุ่มชุ่มชื่น หอมกลิ่นแอปเปิ้ลและนัดแมค เมนูนี้เซอร์ไพรส์มาก เพราะยิ่งทานคู่กับเบียร์ยิ่งหยุดไม่อยู่ ความหอมหวานของเค้กทำให้รสเบียร์นุ่มและเบาไปเลย
นอกจากเมนูที่ว่ามาทั้งหมดแล้วเหลือบไปเห็นเมนูคอคเทลเบียร์เลยสั่งมาลองเอง 1 แก้ว ชื่อว่า Dirty Hoe แก้วนี้จะมีเบียร์ผสมกันอยู่ 2 อย่างคือ Hoegaarden และ Guinness เสิร์ฟมาเป็นชั้นคือด้านล่างจะเป็น Hoegaarden ส่วนด้านบนเป็น Guinness เมื่อลองคนให้เข้ากันแล้วดื่มบอกเลยว่าเข้ากันมาก มีทั้งความหอมหวาน และให้รสเข้มสะใจ ต้องมาลองดื่มกันให้ได้เลยที่ “The Drunken Leprechaun”
นอกจากเมนูทั้งหมดที่ได้ชิมแล้วทางร้านยังมีเมนูอื่นอีกมากมาย ที่เป็นเมนูต้นตำหรับจากไอริช พร้อมกับเบียร์อีกหลายแบบที่พร้อมเสิร์ฟ หากกำลังมองหาที่พักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกงานบอกเลยว่าต้องจดชื่อร้านนี้ไว้ในลิสร้านที่ต้องไปเลย เพราะทั้งบรรยากาศ และรสชาติอาหารจะทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ไอริชเลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจ ร้าน “The Drunken Leprechaun” ตั้งอยู่ที่สุขุมวิท 15 ด้านหน้าโรงแรม เชอราตัน กรุงเทพฯ ครั้งหน้า Craft n’ Roll จะพาไปชิวกันที่ร้านไหนอีกติดตามได้เลย เพราะไม่ธรรมดาแน่นอน