เบื้องหลังเจ้าของเพจชื่อดัง ‘จะเที่ยวไปไหน’ คือหนุ่มน้อยวัย 25 ปี อุ๋ย ทิวากร จันทาพูน ในโมงยามทั่วไปเขาทำงานในบทบาท Design Engineer ให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง โดยใช้เวลาว่างออกไปเที่ยว และถ่ายรูปเก็บไว้จนมากพอที่จะสามารถนำมาบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางในสไตล์เฉพาะตัวจนได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด กลายเป็นที่รู้จักอย่างล้นหลามเกิดเป็นปรากฏการณ์ 1 เดือน 100,000 ไลค์ เราจะพามารู้จักแนวคิด และตัวตนของเขาผ่านการนำเสนอเรื่องราวของเพจ ‘จะเที่ยวไปไหน’ ที่กลายมาเป็น ‘ความสุข’ ที่เขาได้ค้นพบกัน
‘จะเที่ยวไปไหน’ กับการค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ
“สำหรับผมการเดินทาง คือการไม่คาดหวัง เพราะเมื่อเราไม่คาดหวังจะทำให้เราตื่นเต้น และสนุกกับทุกอย่างที่เราจะได้เจอ” เช่นเดียวกับการค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ ย่อมต้องใช้เวลาในการหาคำตอบ สำหรับอุ๋ยก็เช่นกัน เขาเล่าให้เราฟังว่า เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ชอบถ่ายรูป เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้นก็ตอนเข้าเรียนคณะวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เขาเลือกเรียนคณะนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าชอบเรียนคณิตศาสตร์ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียนต่ออะไร จึงไปถามอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์แนะนำให้เขาไปเรียนต่อคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขาแสดงความว่านอนสอนง่ายด้วยการสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อที่จะได้เรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เขาชื่นชอบ แน่นอนว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ถามตัวเองเลยว่าอยากทำอะไร แต่การได้เข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มใช้กล้องมือถือธรรมดาถ่ายรูปอาหารอัพลงอินสตราแกรม และเริ่มถ่ายรูปวิวในมหาวิทยาลัยเป็นสนามซ้อมมือ จนได้เริ่มออกเดินทางไปเที่ยว และเริ่มค้นพบว่าชอบถ่ายรูปท่องเที่ยวก็ตอนเรียนเข้าสู่ปีที่ 4 แต่ยังคงตามหาสไตล์การถ่ายภาพที่ตัวเองชอบอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกระทั่งเรียนจบได้ทำงานประจำในตำแหน่ง Design Engineer เขาเริ่มซื้อกล้องตัวแรกเป็นของตัวเอง และเริ่มเล่าเรื่องราวการเดินทางผ่านภาพถ่าย ในที่สุดก็ได้คำตอบว่าสิ่งที่เขาทำแล้วมีความสุขที่สุดคืออะไร
‘จะเที่ยวไปไหน’ กับ Trip ที่ประทับใจที่สุด
อุ๋ยบอกเราว่าที่เห็นลงเรื่องเที่ยวบ่อยๆ เพราะไปเที่ยวเอง และถ่ายรูปเก็บไว้เยอะพอสมควร จึงทยอยอัพรูปภาพลงเรื่อยๆ จากการเดินทางขึ้นเหนือยลงใต้มาหลายที่ ทำให้เขาค้นพบตัวเองอีกอย่างหนึ่งว่าเขาชอบเที่ยวภูเขามากที่สุด โดยเฉพาะ ‘ดอยทูเล’ จังหวัดตาก คือสถานที่ที่เขาบอกเราว่าประทับใจมาก “ผมชอบเดินเขาอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเจอเขาที่ไหน เดินไปทุกก้าว หันขวาก็สวย หันซ้ายก็สวยได้ขนาดนี้ ถ้าเทียบภูเขาในประเทศไทย ผมว่าภูเขาจังหวัดตากกับจังหวัดกาญจนบุรีสวยที่สุด ในมุมมองผมนะ มันสวยตรงที่ความสลับซับซ้อนเรียงตัวสวยงามตัดกับทิวทัศน์ของท้องฟ้า ทำให้ถ่ายมุมไหนภาพที่ออกมาก็สวยจริงๆ” ชายหนุ่มผู้หลงใหลในการเดินทางขึ้นเขามาแล้วเกือบทั่วประเทศบอกเราแบบนั้น
‘จะเที่ยวไปไหน’ กับปรากฏการณ์ 1 เดือน 100,000 ไลค์
“ผมว่าเพราะแนวภาพที่ผมถ่ายครับ” เขากล่าวเป็นอันดับแรก แล้วจึงเริ่มเล่าที่มาที่ไปให้เราฟัง ความนิยมของเขามีจุดเริ่มต้นมาจากรูปภาพบันทึกการเดินทางประกอบกับการใช้ฟิลเตอร์จากแอ็พ VSCO แต่งภาพที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมใช้กันจนกลายเป็นกระแสรูปซีดอันโด่งดังแบบฮิปสเตอร์อยู่พักนึง “ที่ผมใช้แอ็พนี้ เพราะผมเคยใช้มาหลายแอ็พแล้ว พบว่ามีปัญหาตรงที่ทำให้คุณภาพไฟล์ลดลง แต่แอ็พ VSCO แต่งรูปแล้วไม่ทำให้คุณภาพไฟล์เสีย ผมเลยเริ่มใช้แอ็พนี้บ่อยขึ้น ประกอบกับช่วงนั้นเราก็เริ่มเสพงานต่างประเทศมากขึ้นด้วย เริ่มเห็นโทนสีภาพหลายรูปแบบ การจัดองค์ประกอบภาพที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทำให้เราพบว่าเราชอบสไตล์ภาพที่สบายตา และจัดองค์ประกอบภาพสวยงาม” ภาพของเขาจึงออกมาเป็นสไตล์แบบที่เราเห็นในปัจจุบัน “รูปถ่ายแบบนี้ก็มีคนถ่ายเยอะนะครับ แต่ความตั้งใจของผมคือเวลาถ่ายภาพหรือไปเที่ยวที่ไหน ผมจะไม่เน้นถ่ายแค่วิวทิวทัศน์แค่อย่างเดียว เพราะถ้าคนไปที่เดียวกัน ถ่ายภาพมุมเดียวกันก็คงจะเหมือนกันไปหมด สำหรับผมมันน่าเบื่อ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นภาพของผมก็จะมีความเป็นตัวผมเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย”
“ผมชอบรูปภาพที่มีคนอยู่ในนั้น” อุ๋ยบอกเรา “มันดูสัมผัสได้ เหมือนเราได้เห็นตัวเองไปยืนตรงนั้น บางทีเราก็รู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังตามใครสักคนไปเที่ยว เวลาผมไปเที่ยวก็จะไปกับกลุ่มเพื่อนๆ โดยจะมีการนัดคุยคอนเซ็ปต์ และเตรียมพร็อพไปใช้ร่วมกันด้วย” แต่กว่าจะถึงวันที่สามารถปรับจนหาสไตล์ภาพที่ตัวเองชอบเจอ เขาก็ต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนไปมาอยู่พักใหญ่ อุ๋ยเริ่มนำภาพที่ถ่ายไว้ไปโพสในกรุ๊ปของแอ็พ VSCO ทำให้เริ่มมีคนติดตามเขามากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มีคนมาขอเป็นเพื่อนจนเต็มเฟสบุ๊ค เขาจึงเปิดเพจ ‘จะเที่ยวไปไหน’ ขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา และเพราะมีแฟนคลับอยู่พอสมควร ทำให้หลังจากเปิดเพจแค่เพียง 1 เดือนก็มีคนติดตามในเพจมากถึง 100,000 ไลค์ และยังคงมียอดไลค์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้ก็มีจำนวนมากกว่า 500,000 ไลค์แล้ว
‘จะเที่ยวไปไหน’ กับสไตล์การเล่าเรื่องในแบบของตัวเอง
“ก่อนเปิดเพจ ผมไปเที่ยวบ่อยมาก จนเพื่อนชอบมาถามว่าจะเที่ยวเยอะไปไหนเนี่ย ไม่ทำงานแล้วเหรอ ตอนตั้งชื่อเพจก็เลยอยากตั้งว่า ‘จะเที่ยวเยอะไปไหน’ แต่ด้วยชื่อที่ยาวเกินไป ก็เลยเหลือ ‘จะเที่ยวไปไหน’ อีกความหมายหนึ่งที่อยากจะสื่อสารคือ จะเที่ยว แล้วจะไปไหนดี ผมเลยเอาทั้งสองประโยคมารวมกันเลยครับ” อุ๋ยบอกเราว่าแรกเริ่มเขาตั้งใจที่จะตั้งเพจนี้เพื่อพูดถึงเรื่องที่เขาชอบ 3 เรื่องด้วยกัน คือ กิน เที่ยว และถ่ายรูป แต่คนในเพจชอบเรื่องเที่ยวมากกว่า ทั้งยอดไลค์ ยอดแชร์สูงกว่าเรื่องอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน เขาเลยเน้นที่เรื่องเที่ยวเป็นหลัก โดยมีโลโก้เพจที่ออกแบบเองให้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ซึ่งก็เป็นตัวแทนสิ่งที่ชอบทั้งสามเรื่องมารวมอยู่ด้วยกันนั่นเอง
นอกจากจะมีคอนเซ็ปต์หลักแล้ว ทุกทริปก่อนออกเดินทางยังมีการคิดคอนเซ็ปต์ย่อยแตกต่างกันไปด้วย “ผมจะศึกษาสถานที่ที่กำลังจะไปว่ามีหน้าตาประมาณไหน คือไม่ใช่ไปถ่ายวิวเฉยๆ มันก็จะซ้ำกับคนอื่นๆ เราอยากให้มันน่าสนใจขึ้นอีกนิด “อย่างตอนไปสุโขทัยก็มีการนำพร็อพพวกเข็มทิศ แผนที่ ไปด้วย เพราะมันดูเป็นธรรมชาติ และมีความเป็นวิทยาศาสตร์ดี”
ด้วยแนวทางการถ่ายทอดคอนเซ็ปต์ออกมาได้อย่างชัดเจนทั้งจากรูปภาพและการเขียนเล่าเรื่องที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาแบบวัยรุ่น ทำให้นอกจากคนจะมาติดตามเยอะแล้ว ก็มีคนแวะมาแซวกันเยอะด้วยเช่นกัน “บางคนมาแซวว่าใช้ไฮเตอร์ถ่ายรูปเหรอ ถึงได้ซีดขนาดนี้ อย่างทริปเกาะล้านมาแซวกันหนักมาก คือผมพกพวกส้ม สัปปะรด ไปถ่ายด้วย มีเพจนึงบอกว่ารอบหน้าขอเป็นทุเรียนนะ” อุ๋ยบอกเราว่าเขาไม่สนใจคำพูดของคนอื่น เพราะการที่เขานำส้ม และสัปปะรด หรือผลไม้มาเป็นพร็อพในรูปถ่ายของเขานั้นมีเหตุผล “ทริปเกาะล้าน ถือเป็นทริปแรกที่ผมโพสลงเพจ สิ่งที่ผมคิดคืออยากให้อารมณ์ภาพเหมือนอยู่ในช่วงฤดูร้อน ให้ความรู้สึกสดชื่น ซึ่งคนทั่วไปก็ไม่รู้หรอกว่าผมถ่ายแบบนี้เพราะอะไร”
การค้นพบความชอบ และยืนหยัดทำสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ส่งผลให้ตอนนี้เพจ ‘จะเที่ยวไปไหน’ ได้รับความนิยมจากทั้งผู้อ่านในเพจของเขา รวมไปถึงเป็นที่ต้องการตัวของทริปเชิญสื่อ และการรีวิวสินค้าหลายชนิดด้วยกัน อุ๋ยฝากทิ้งท้ายกับเราว่า “อย่าเห็นคนอื่นทำ ก็อยากทำตามคนอื่นเขาจนเหมือนไปซะทุกอย่าง แต่ผมอยากให้ค้นหาสิ่งที่ตัวเราชอบจริงๆ ให้เจอ แล้วพอเราชอบ เราทำมันเต็มที่แล้ว ก็จะมีโอกาสดีๆ เข้ามาหาเราเองครับ”
Photo Credit: Chiraphat Semachai
Special Thank: ร้าน Case Study
