BREWIX ลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่ในสไตล์ Mix it up

ภายในโครงการ AQUA ย่านอารีย์-สะพานควาย ยังมีขุมทรัพย์ของเหล่าเบียร์เลิฟเวอร์ที่เราแนะนำว่าต้องไปลิ้มลองกันอีกหนึ่งแห่ง ชื่อว่าร้าน BREWIX ร้านนี้เปิดมาได้เพียง 2-3 เดือน แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้ร้านอื่นๆ ด้วยการเสิร์ฟความแปลกใหม่ในสไตล์ Mix it up

Brewix-45

Brewix-12

พื้นที่ร้านไม่ใหญ่โต แต่ตกแต่งแบบโปร่ง โล่งสบาย เน้นเปลือยผิววัสดุสไตล์อินดัสเตรียล ผนังเป็นปูนเปลือย และนำเหล็กเข้ามาผสมผสานในดีไซน์ แต่โดยองค์รวมเน้นความเรียบง่ายและกลมกลืน เพื่อช่วยขับให้พระเอกของร้าน คือเบียร์โดดเด่นขึ้น โดยนำเอาขวดเบียร์หลายสัญชาติมาตกแต่งเพิ่มเติมเป็นกิมมิก ไปจนถึงการวางแท็บเบียร์ทั้ง 7 ที่จัดสรรพื้นที่ออกมามีสไตล์ที่ลงตัว

Brewix เริ่มต้นมาจากสามหนุ่ม คุณนภ นภสร ศันสนีย์, คุณเจ๋ง ณัฐพงศ์ วงศ์พร้อมมูล และคุณเอ็ดเวิร์ด กาญจนวัฒน์ ทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และด้วยความชอบดื่มเบียร์ เวลานัดหมายพบปะกันจึงมักเลือกสถานที่แฮงค์เอาท์กันที่ร้านเบียร์เสมอๆ แล้วทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับเบียร์คราฟท์ในเมืองไทยที่คุณภาพต่างจากที่เคยได้ไปชิมที่ต่างประเทศ ทั้งที่เป็นตัวเดียวกัน ทั้งสามคนจึงเริ่มหาข้อมูลจนพบว่ามีปัจจัยมากมายทีเดียวที่ทำให้เบียร์รสชาติเปลี่ยนทั้งเรื่องการขนส่ง การเก็บรักษา และที่สำคัญที่สุดคืออุณหภูมิก่อนออกจากแท็บ จากจุดนี้เอง ทั้งสามจึงได้คุยกันและตัดสินใจเปิดร้าน เพื่อบอกกับทุกคนว่าเบียร์ที่ดีควรจะมีรสชาติยังไง โดยสั่งทำแท็บพิเศษที่มีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ ทำให้สามารถรักษาความเย็นของเบียร์ได้ดีขึ้นและคงคุณภาพของรสชาติไว้ได้นาน

Brewix-132  Brewix-48Brewix-39  Brewix-4

ร้านนี้จึงเป็นการรวมเอาความหลากหลาย ความชอบของทั้งสามหนุ่มสามสไตล์ ทั้งสามคนชอบเบียร์คนละประเภท คุณเจ๋งชอบดื่มเบียร์เบาๆ อย่างไวท์เบียร์ ส่วนทางเอ็ดเวิร์ดไปเป็นสายแอลกอฮอล์สูง อย่างพวกสเตาท์ พอทเทอร์ ส่วนคุณนภเน้นสายกลางคือดื่มได้ทุกประเภท การคัดเลือกเบียร์จึงมักใช้เกณฑ์การเลือกแบบโหวตสองในสามเสียง สับเปลี่ยนหมุนเวียนเบียร์กันไปให้ครบ 7 แท็บ โดยเลือกให้ครอบคลุมทุกสไตล์ของเบียร์ หรืออาจเป็นประเภทเดียวกันก็ได้ แต่มันต้องมีความแตกต่างจากที่มีอยู่เดิมมากพอสมควร คุณเจ๋งบอกว่า “เลือกที่ชิมแล้วอร่อย รู้สึกมีค่าพอที่จะเสียเงินซื้อ ต้องคิดว่าถ้าเราเป็นลูกค้าที่ชอบเบียร์สไตล์เบียร์แบบนี้ จะยอมเสียเงินซื้อไหม เช่นเดียวกับคุณนภที่เล่าว่า “พยายามให้ลูกค้าได้เจออะไรกับแปลกๆ ใหม่ๆ ซึ่ง 1 เดือนจะมีเปลี่ยนเบียร์อย่างน้อย 1 ตัวแน่นอน เพราะฉะนั้นต่อให้ลูกค้ามาเดือนละครั้งก็จะได้เบียร์สด ใหม่เสมอ บางตัวหาลองไม่ได้จากที่อื่น และเน้นที่ความหลากหลาย ดังชื่อ Brew มาจากการหมักเบียร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของเบียร์ ตามด้วยคำว่า Mix ซึ่งเป็นตัวแทนความหลากหลายของเบียร์ ซึ่งนอกจากจะโดดเด่นเรื่องเบียร์คราฟท์แล้ว ที่นี่ยังมีซิกเนเจอร์เบียร์ค็อกเทล และอาหารโฮมเมดหลากหลายที่เอาไว้กินคู่กับเบียร์ได้โดยส่วนนี้จะอยู่ในการดูแลของคุณเอ็ดเวิร์ด ซึ่งเป็นคนที่ชอบทำอาหาร และยังเป็นได้รับวิชาจากคุณปู่ซึ่งเป็นบุชเชอร์ มาตั้งแต่ต้นตระกูล จึงให้ความสำคัญกับการเลือกเฟ้นวัตถุดิบที่เน้นคุณภาพทุกส่วนประกอบ “เราทำทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถันเพราะอยากให้ได้รสชาติอาหารที่ดีกว่าและได้คุณภาพอย่างที่ใจเราต้องการครับ” คุณเอ็ดเวิร์ดกล่าว

Don’t Miss

Brewix Beer 
ก่อนสั่ง ทางร้านยินดีนำเบียร์มาให้ลูกค้าที่ยังไม่รู้ว่ารสชาติเบียร์แต่ละตัวเป็นอย่างไรมาให้ลองชิมก่อนได้

Brewix-69
1. Limburgse Witte (Witte beer from Belgium) ตัวนี้ทางร้านนำเสนอเป็นแก้วแรก เป็นไวท์เบียร์จากเบลเยียมแอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์ ปกติไวท์เบียร์จะไม่กดอุณหภูมิลงต่ำกว่า 0 องศา เพราะกลัวเสียรสชาติแต่ตัวนี้ยิ่งกดอุณหภูมิต่ำลงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รสชาติของเบียร์ดีขึ้น เพราะยิ่งอุณหภูมิเย็นจัด บอดี้จะนุ่มมากขึ้น ให้กลิ่นหอมมากขึ้น ทำให้ดื่มง่าย และสดชื่น

Brewix-88

2. Brewdog Punk IPA ที่อื่นเรามักเห็นเจ้าตัวนี้มาในรูปแบบขวด แต่ที่นี่มาเป็นแท็บ กดกันสดๆ บรูวด็อก พังค์ ไอพีเอ กลิ่นลิ้นจี่มาจากฮ็อปส่วนหนึ่งและมีส่วนผสมลิ้นจี่ลงไปด้วย ปกติเสตาท์ไอพีเอจะขมปลายอยู่แล้ว ปกติไอพีเอจะมีแอลกอฮอล์สูง ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางบรูวด็อกทำให้แอลกอฮอล์ต่ำลงมา ขมน้อยลง ทำให้ดื่มง่ายขึ้นเหมาะสำหรับคนที่เริ่มจะหัดดื่มไนไอพีเอ เบียร์ตัวนี้อาจจะเป็นเบียร์ที่หลายๆ คนต่อยอดไปยังไอพีเอตัวที่ขมและแรงกว่านี้ได้ “ผมไม่แนะนำให้กินไอพีเอแก้วแรก เพราะมันจะทำลายรสชาติเบียร์แก้วต่อไปพอสมควร มันจะติดลิ้นทำให้กินเบียร์ต่อไปรู้สึกอะไร แต่ตัวนี้แอลกอฮอล์ไม่เยอะเกินไปเลยขอจัดให้เป็นอันดับสอง” คุณนภกล่าว
3. Bavaria (Pilsner from Holland) สัญชาติฮอลแลนด์ ให้รสชาตินุ่มลิ้น ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นเบียร์ที่ดื่มง่ายตามสไตล์ จุดเด่นคือการนำน้ำแร่ธรรมชาติมาบรูวเบียร์
4. Eviltwin Ryan & the Beaster Bunny (Saison from USA) เป็นเบียร์ประเภทเซซอง มีแอลกอฮอล์ 7 เปอร์เซ็นต์มาจากคำว่าซีซั่น (Season) จริงๆ พื้นฐานจะเป็นเบียร์เปรี้ยว แต่ตัวนี้เปรี้ยวน้อยกว่าตัวอื่น “เขาจะหมักข้ามฤดูจากฤดูหนาวมาจนถึงฤดูร้อนแล้วค่อยมาชิม ตัวนี้ซ่ากว่าตัวอื่น หอมเฉพาะทางกว่าตัวอื่น และเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ” คุณนภเล่า
5. Coedo BeniAka (Premium lager from Japan) เป็นเบียร์ญี่ปุ่นตามสไตล์ฮัปโปชูที่ใช้มอลต์น้อย มีแอลกอฮอล์ 7 เปอร์เซ็นต์ แต่พิเศษกว่าตรงที่เป็นพรีเมียม ฮัปโปชู คือแม้จะใช้มอลต์น้อย แต่ใส่มันหวานเผาผสมเข้าไปแทนมอลต์ ช่วยทำให้เวลากินจะมีกลิ่นมันเผานิดๆ กลายเป็นเป็นลาเกอร์สีเข้มออกไปทางน้ำตาล มีบอดี้หนึบหนับจากเนื้อและความมันของมันหวานที่ใส่เข้าไปจะช่วยกลบความแรงของแอลกอฮอล์ลงไปได้
6. Poleeko Gold Pale Ale เป็นตัวใหม่ล่าสุดของร้าน สัญชาติอเมริกัน แอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวกลางๆ มีกลิ่นหอมเบาๆ ของผลไม้ และมอลต์ ขมแต่ไม่ทิ้งความขมไว้ในปากนานมากนักเหมือนไอพีเอ ดื่มแล้วสดชื่น คนต่างชาติเน้นดื่มเบียร์ตัวนี้ตอนอากาศร้อน
7. Guinness Stout ปิดท้ายด้วยกินเนสสเตาท์จากไอร์แลนด์ แอลกอฮอล์เพียง 4.2 เปอร์เซ็นต์ มีกลิ่นหอมของกาแฟเบาๆ จนเมื่อดื่มเข้าไปแล้วกลิ่นกาแฟชัดเจนมากจนติดจมูก “อยากให้กินตัวนี้เป็นตัวสุดท้าย เพราะไม่อยากให้มีกลิ่นกาแฟกลบตัวอื่นเยอะเกินไป มันเป็นสเตาท์นิ่มที่สุดเลย ตัวนี้เบลนด์ทุกอย่างออกมาดี มีกลิ่นกาแฟและช็อกโกแลตบางๆ ได้มาตรฐาน และดื่มง่าย” คุณนภบอก

 

Signature Beer Cocktail

Brewix-114

อีกเมนูที่พิเศษสุดๆ ที่อยากแนะนำว่าต้องมาลอง คือ Mix It Up Beer Cocktail หรือ เบียร์ค็อกเทล ซึ่งคนไทยยังไม่ค่อยรู้จักกัน สำหรับร้านนี้ ใช้เบียร์ค็อกเทลอย่าง Black and Tan ซึ่งนำมาดัดแปลงเป็นสูตรเฉพาะ ซึ่ง B&T ปกติจะใช้วิธีผสมเพลเอลครึ่งหนึ่งด้านล่าง แล้วเทสเตาท์ตามอีกครึ่งหนึ่งด้านบน โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Pouring Spoon เข้ามาช่วยทำให้เบียร์ด้านบนที่เป็นสเตาท์รินลงไปบนเพลเอลได้อย่างนุ่มนวลและแยกชั้นกันอย่างสวยงาม แต่สำหรับ B&T ที่ร้านนี้ใช้ชื่อว่า Brewix Blackdog  ซึ่งแทนที่เพลเอลด้วย BrewDog Punk IPA กลิ่นหอมลิ้นจี่จากพังค์ไอพีเอ นำมาเป็นอันดับหนึ่ง ผสมด้วยกลิ่นกาแฟของกินเนส ยิ่งทำให้อยากลองชิมขึ้นมาทันที ฟองของกินเนส ด้านบนดูดเนื้อเบียร์ข้างล่างขึ้นมาทำให้เกิดรสชาติใหม่ที่ทำให้ดื่มง่ายขึ้น ลดความขมของไอพีเอลง แต่กลิ่นลิ้นจี่ยังหอมฟุ้งผสมกับกลิ่นของรสชาติของกาแฟ เป็นเบียร์แก้วพิเศษที่อยากแนะนำให้มาลอง

Brewix-107

นอกจากนี้ยังมีเบียร์ค็อกเทลอีกประเภทที่เรียกว่า Half and Half เป็นการดีไซน์มาสำหรับคนไม่ชอบเบียร์ดำเพียวๆ เพราะไม่ชอบกลิ่นและรสชาติที่อาจจะแรงเกินไป ด้านล่างเป็นลาเกอร์ ด้านบนเป็นเบียร์ดำ ทำให้กินง่ายขึ้น ใครอยากลองที่ร้านนี้ก็มีในชื่อ Brewix Half and Half ได้เลย

 

BREWIX Food

Brewix-130
อาหารของทางร้านเน้นเป็นอาหารสไตล์อเมริกันที่กินคู่กับเบียร์ อย่างเมนูที่อยากแนะนำ ชื่อ Brewix Classic Burger รสชาติออกไปทางตะวันตก โดยเน้นเนื้อชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ ที่สำคัญเนื้อแน่น เน้นวัตถุดิบชั้นดี สามารถเลือกเป็นเนื้อหมูหรือเนื้อวัวและระดับความสุกที่ต้องการได้ เสิร์ฟคู่กับเฟรนซ์ฟราย และซอสที่ปรุงขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน

ใครอยากลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่ที่แตกต่างไป แนะนำว่าต้องไปลอง BREWIX: Mix It Up เป็นการผสมผสานบรรยากาศและรสชาติดีๆ ได้อย่างลงตัวจริงๆ ร้าน เปิดบริการทุกวัน เวลา 17.00 – 24.00 น.

 

Brewix-10

 

Contact Brewix
โครงการ Aqua ถ. พหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ 02 616 6899
Facebook: Brewix

 

Categories: